พอดูวิดีโอของอาจารย์ ก็เิริ่มเข้าใจว่าการกำหนดกรอบไปบ้าง มันน่าจะได้ผลงานตามที่เราต้องการมากกว่า
Romance จะมีสูตรคล้ายๆกัน พวก Murder mystery มันก็จะมีสูตรของมันอีกแบบหนึ่ง
พอบอกพล็อตสั้นๆไปให้เขาก่อน บอกแนวทางคร่าวๆให้เขาเดิน งานที่ได้กลับมาเริ่มมีคุณภาพขึ้น
การเขียนนิยายทุกแนวมันมีสูตรสำเร็จทั้งนั้น
เช่น ที่ผมยกตัวอย่างเรื่องเจมส์ บอนด์
คุณดูมากี่เรื่อง แล้วเคยฉุกคิดบ้างไหมว่าทั้ง 20 เรื่อง มันก็พล็อตเดียวกัน
คือ วายร้ายคนหนึ่งซึ่งเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก มีอาวุธมหาประลัยในครอบครอง
เจมส์ บอนด์ต้องสืบหาที่ตั้งของอาวุธตัวนี้ ซึ่งมักจะอยู่บนเกาะลึกลับ บางทีก็บน
สถานีอวกาศนอกโลก ไอ้บอนด์ต้องตามไปหยุดยั้งวายร้ายคนนี้ให้ได้ รายละเอียด
แต่ละเรื่องอาจจะต่างกัน แต่สูตรสำเร็จเหมือนกัน
้เรื่องฆาตกรรมของ Agatha Christie ผมอ่านมาไม่รู้กี่เรื่อง เริ่มต้นมีฆาตกรรมเกิดขึ้น
แล้วนักสืบเข้ามาสืบสวนหาปมฆาตกรรม ผู้เขียนสร้างตัวละครให้น่าสงสัยขึ้นมาหลายคน
แต่ในที่สุด ตัวละครที่น่าสงสัยน้อยที่สุด นั่นแหละคือฆาตกร รายละเอียดแต่ละเรื่องต่างกัน
แต่สูตรสำเร็จเหมือนกัน
ผมจึงเอาสูตรสำเร็จการเขียนนิยายรักมาแสดงให้ดู
แต่คุณจะเอาไปปรับใช้กับแนวอื่นๆก็ได้ การกำหนดแนวทางมาก่อน
มันทำให้เขาทำงานง่ายขึ้น และเราก็จะได้งานที่ตรงกับความต้องการตลาดมากขึ้น
ทีแรกผมไม่กำหนดอะไรไปเลย ได้งานที่แย่มากๆ ต้อง reject กันทุกวัน พอตี
กรอบไ้ว้บ้าง มันก็ค่อยๆดีขึ้น
1) ขอดูงานตัวอย่างก่อน ไม่ยอมส่งมา อย่าเสี่ยง
2) เริ่มต้นครั้งแรก อย่ามอบหมายงานใหญ่ ทดสอบฝีมือด้วยงานสั้นๆ ราคาต่ำสุด พอแน่ใจแล้วจึงค่อย
ให้งานที่ใหญ่ขึ้น
3) เมือเจอนักเขียนที่มีฝีมือจริงๆ เหมือนเจอขุมทองที่เราไม่ต้องขุดเอง เขาช่วยขุดแทนเรา
ใครภาษาประกิตไม่ค่อยเก่ง ก็จดประโยคหากินเอาไว้สัก 10 ประโยค ค่อยๆดัดแปลงให้เข้ากับ
การสั่งงานแต่ละแบบ อีกหน่อยก็คล่องครับ อย่าไปกลัวกับการลองอะไรใหม่ๆ