ข้อมูลเดิมจากบ้านเก่า เอามาย่อให้มือใหม่ผมจุดประเด็นเรื่อง KDP และ Public Domain ไว้ครั้งแรกที่ forums.sem.or.th
เมื่อเดือนมิถุนายน 2554
ก่อนหน้านั้น ผมเชื่อว่านักทำ Internet Marketing ชาวไทย 98% ยังไม่รู้เรื่องนี้
เพียงเดือนแรกที่ข้อมูลเผยแพร่ออกไป มีคนเริ่มทำเงินได้จาก KDP คนละเป็นหลักสิบ
หลักร้อยเหรียญต่อเดือน
และสามเดือนต่อมา ก็เริ่มมีคนทำรายได้จาก KDP ด้วยหลัก $1000 ต่อเดือน
ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อถึงจุดรุ่งโรจน์แล้ว ก็จะเลื่อนไหลถลาลง ช้าบ้างเร็วบ้าง
Google Adwords วันนี้ ไม่ง่ายเหมือนเมื่อห้าปีก่อน
Amazon +Yahoo Ads ตามสไตล์ของ richeruro วันนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว
Adsense, AOM วันนี้ก็ไม่เหมือนสามปีก่อน
ไม่มีสิ่งใดนิรันดร์
KDP + Gutenberg ที่เคยทำเงินกันง่ายๆเมื่อปีกลาย วันนี้มันก็ไม่ง่ายแบบนั้น
มีการตรวจสอบเข้มข้นขึ้น ปิดแอคเคาท์ง่ายขึ้น
แต่คนที่รู้จักปรับตัว พัฒนาฝีมือต่อ มองหาช่องทางใหม่ๆที่ไม่ต้องพึ่งพา gutenberg
เขาก็ยังทำเงินได้เป็นหลักพันและหลายพันกันต่อไป
ความรู้เก่าๆก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เราควรมองข้าม เพราะของใหม่ก็มาจากการต่อยอดจากของเก่า
ความรู้พื้นฐานเหล่านี้ ผมคิดว่ายังเป็นประโยชน์อยู่ จึงเก็บข้อมูลจากบ้านเก่าที่เราเคยอยู่ เอามาสรุปย่อ
ไว้ที่นี่ด้วย เพื่อคนที่มาที่หลังจะได้มีโอกาสไล่ตามรุ่นพี่ๆทันบ้าง
เนื่องจากมันมีความยาวมาก คงจะทำได้ทีละนิดละหน่อย
=============================================
โพสท์ครั้งแรก 10 มิถุนายน 2554 ที่ sem.or.thการขายหนังสือและอีบุคบน Amazon.com เป็นช่องทางการทำเงินที่ฝรั่งหลายคนกำลังหากินกันอยู่
แต่คนไทยยังค่อยได้ไปร่วมแจมสักเท่าไหร่
ขายหนังสือเป็นเล่มนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนมากมาย จัดพิมพ์ก็ว่ายากพอแล้ว ไอ้การจัดส่งยิ่งยากกว่า
แต่ การขายอีบุคนี่เป็นคนละเรื่องเลย
เจ้าของสินค้าอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง คนซื้ออยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เราก็ยังทำการซื้อขายกันได้ง่ายๆ ทันอกทันใจ
คลิกแบงก์เติบโตขึ้นมาได้ก็เพราะการขาย e-book สินค้าคลิกแบงก์แพงเหลือเกิน ราคา 27-37 เหรียญ ทำไมเขาถึงขายได้ และ อยู่ได้
แต่ถ้าคลิกแบงก์ชะล่าใจ ไม่ตั้งการ์ดรับให้ดี เว็บนี้อาจมีปัญหาในอนาคต
ณ เวลานี้ ถ้าลองสำรวจตลาด e-book ให้ดี ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่นิยมอ่านจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ชอบอ่านจากอุปกรณ์ที่พกพาติดตัวไปไหนมาไหนได้ เหมือนกับหนังสือจริงๆ
การ เติบโตของการขาย e-book ผ่าน Kindle เป็นประจักษ์พยานอย่างหนึ่งว่าช่องทางนี้กำลังมาแรง และอาจจะเป็นพลังที่ซัดให้ clickbank ซวดเซได้ในวันหน้า
ถ้าเราไม่หัดใช้มันก่อน หัดหาเงินจากมันก่อน เราก็อาจจะกลายเป็นคนตกยุค ถูกคลื่นลูกใหม่กวาดหายไปในทะเลไซเบอร์
ขณะ ที่ clickbank ยังขะมักเขม้นกับการขายอีบุค ที่จะอ่านได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น amazonได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นหนึ่ง คือการขายผ่านอุปกรณ์การอ่านหนังสือที่เรียกว่า Kindle
ตอนนี้ยอดขายหนังสือผ่าน kindle ได้แซงหน้ายอดขายหนังสือเป็นเล่มไปแล้ว
ทุกๆ 100 เล่มที่อเมซอนขายหนังสือเป็นเล่มได้ เขาขายผ่าน kindle ได้ 215 เล่ม
เราเป็นคนไทยจะเอาหนังสือที่ไหน ไปขายให้ฝรั่งอ่าน?
โอกาสมันมีอยู่ครับ
1) PLR เล่ามาหลายหนแล้วว่ามันคืออะไร (
Update: 29/1/2555 : ปัจจุบันห้ามใช้ PLR แล้ว)2) Public domain ทรัพย์สินทางปัญญาที่หมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว แต่เนื้อหายังทันสมัยทันเหตุการณ์อยู่ คุณรู้จักหนังสือชื่อ Think and Grow Rich ของ Napoleon Hill ไหม คนเขียนเขาตายไปนานแล้ว ลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว ใครๆก็เอามาขายได้ตามสะดวก โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใคร
Bram Stoker's Dracula หมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว เราเอามาจัดรูปเล่มใหม่ เอาไปขายแข่งกับใครก็ได้ Mary Shelly's Frankenstien หมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว เราเอามาใส่ภาพประกอบใหม่ เอามาขายให้ใครก็ได้ เหมือนที่เราเอาหนังสือเรื่องพระอภัยมณี หรือขุนช้างขุนแผน มาพิมพ์ขายให้ใครก็ได้ ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์หมดอายุไปนานแล้ว
นี่เป็นเพียงไม่กี่เล่มที่ผมยกตัวอย่างมาให้ฟัง ในความเป็นจริงมีเป็นล้านรายการ เราเอามาทำอีบุคขายสิบปีก็ไม่หมด
แล้วทำไมฝรั่งเขาไม่ทำกัน ส่วนมากเขาไม่รู้ครับ ฝรั่งก็ไม่ได้ฉลาดกว่าเราเท่าไหร่หรอก
แม้แต่สินค้าใน clickbank เอง หลายตัวก็เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่หมดอายุลิขสิทธิ์แล้ว
เช่นเว็บนี้ครับ เข้าไปดูเถอะครับ มันเอาข้อเขียนที่ไม่มีลิิขสิทธิ์คุ้มครองแล้วมาขายต่อครั้งละ $37
และมันทำ gravity ได้ 106 แสดงว่ามันรับทรัพย์ไปแล้วเป็นแสนเหรียญ จากผลงานที่มันไม่ได้สร้างเอง
http://www.visionwithoutglasses.comนี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ โอกาสยังมีอีกมากมายครับ
เราคนไทยก็มีสิทธิ์เอาผลงานของฝรั่งไปขายฝรั่ง อัฐยายขนมยาย ไม่ต้องนั่งสร้างผลงานเอง
ไม่ต้องสร้างเว็บเอง ไม่ต้องหา traffic เอง
เว็บอย่าง ebay และ amazon มันมี traffic อยู่แล้วครับ
